Questions? +1 (202) 335-3939 Login
Trusted News Since 1995
A service for banking industry professionals · Friday, June 6, 2025 · 819,570,947 Articles · 3+ Million Readers

นโดนีเซียเสริมบทบาทพันธมิตรจีนในอาเซียน ผ่านข้อตกลงแลกเปลี่ยนเงินตราครั้งประวัติศาสตร์ — EBC Financial Group

อินโดนีเซีย-จีนกระชับสัมพันธ์เศรษฐกิจ ด้วยการค้ารวม 147.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมร่วมมือด้านการเงินและค่าเงิน เสริมเศรษฐกิจให้มั่นคง

อินโดนีเซียยกระดับเป็นหุ้นส่วนอาเซียนอันดับหนึ่งของจีน ด้วยการค้าทวิภาคี 147.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 ด้วยข้อตกลงเงินหยวน-รูเปียห์ครั้งประวัติศาสตร์

การค้าทวิภาคีอินโดนีเซีย-จีนคาดแตะ 160 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 พร้อมข้อตกลงหยวน-รูเปียห์ ผลักดันลดการใช้ดอลลาร์ สะท้อนอนาคตการเงินใหม่อาเซียน

JAKARTA, INDONESIA, June 4, 2025 /EINPresswire.com/ -- การค้าระหว่างอินโดนีเซียและจีนในปี 2024 มีมูลค่ารวม 147.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 6.1% จากปีก่อนหน้า ส่งผลให้อินโดนีเซียยืนหยัดในฐานะหนึ่งในพันธมิตรการค้าสำคัญที่สุดของจีนในอาเซียนอย่างมั่นคง

ในระหว่างการเยือนอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีจีน หลี่ เฉียง ซึ่งเกิดขึ้นก่อนการประชุมสุดยอดอาเซียน-GCC-จีน (ASEAN-GCC-China Summit) ทั้งสองประเทศได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) ฉบับใหม่จำนวน 4 ฉบับ โดยไฮไลต์สำคัญอยู่ที่การยกระดับความร่วมมือด้านการชำระเงินท้องถิ่น (Local Currency Settlement Agreement – LCS) ระหว่างธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) และธนาคารประชาชนจีน (PBOC)

EBC Financial Group วิเคราะห์ว่าข้อตกลงทางการเงินฉบับนี้จะนิยามความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซียใหม่ และสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในแนวร่วมทางยุทธศาสตร์ของตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets – EM)

วางรากฐานเพื่อความร่วมมือระหว่างสองประเทศ

ข้อตกลงทวิภาคีที่ลงนามเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2025 ได้สร้างรากฐานอันมั่นคงสำหรับการขยายความร่วมมือระหว่างอินโดนีเซียและจีนในหลายภาคเศรษฐกิจ โดยให้การสนับสนุนโดยตรงต่อระบบการชำระเงินท้องถิ่น (LCS) ในด้านการค้าและการท่องเที่ยว คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมายังอินโดนีเซียจะสูงถึง 2 ล้านคนในปี 2025 โดยได้รับแรงหนุนจากนโยบายวีซ่าที่ผ่อนคลายและการพัฒนาระบบชำระเงิน การขยายตัวของการท่องเที่ยวนี้สอดคล้องกับมาตรการเสริมความเข้มแข็งของห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะการลงนามในข้อตกลงการลงทุนมูลค่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อพัฒนาเขตอุตสาหกรรมสองแห่งที่เชื่อมต่อระหว่างมณฑลฝูเจี้ยนกับเขตเศรษฐกิจพิเศษบาตัง (Batang SEZ) คาดว่าจะสร้างงานได้กว่า 100,000 ตำแหน่ง

ช่องทางใหม่สำหรับ LCS: เสริมสร้างอธิปไตยทางการเงิน

ข้อตกลงครั้งล่าสุดระหว่างธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) และธนาคารประชาชนจีน (PBOC) ขยายขอบเขตการชำระเงินท้องถิ่น (LCS) รูเปียห์-หยวน ให้ครอบคลุมการทำธุรกรรมในบัญชีทุน โดยสร้างข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์สามประการ ประการแรก คือ การสร้างเกราะป้องกันทางการค้าที่ยั่งยืน การค้าระหว่างสองประเทศในปี 2024 มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 6.1% แตะ 147.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และคาดว่าจะทะลุ 160 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2025 ซึ่งทำให้อินโดนีเซียกลายเป็นหนึ่งในพันธมิตรการค้าหลักของจีนในอาเซียน ร่วมกับเวียดนามและมาเลเซีย ระบบ LCS นี้ช่วยให้ผู้ส่งออกอินโดนีเซียลดต้นทุนจากการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในการส่งออกสินค้าหลัก เช่น น้ำมันปาล์มและนิกเกิล ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประการที่สอง คือ BI สามารถใช้เงินหยวนที่ถือครองอยู่ (5.3% ของทุนสำรองเงินตราต่างประเทศทั้งหมด) เพื่อบริหารอัตราดอกเบี้ยได้ยืดหยุ่นมากขึ้น ช่วยให้สามารถใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายโดยไม่กระทบต่อเสถียรภาพของค่าเงินรูเปียห์

ประการสุดท้าย ข้อตกลงนี้ถือเป็นช่องทางสำคัญที่ทำให้อินโดนีเซียเข้าถึงโครงการ BRICS+ ได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยเปิดประตูให้ประเทศเข้าถึงเงินทุนจากธนาคารเพื่อการพัฒนาใหม่ (NDB) ซึ่งจะช่วยเร่งแผนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ของประธานาธิบดีปราโบโว และลดการพึ่งพาหนี้ที่ผูกกับดอลลาร์สหรัฐฯ

“นี่ไม่ใช่แค่เรื่องการลดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม แต่เป็นการปรับโครงสร้างระบบการเงินของอินโดนีเซียทั้งระบบ” เดวิด แบร์เร็ตต์ (David Barrett) ซีอีโอของ EBC Financial Group (UK) Ltd. กล่าว “ด้วยการเปิดช่องทางการค้าการลงทุนบนฐานเงินหยวน ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) กำลังสร้างกลไกป้องกันความเสี่ยงจากนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

แผนยุทธศาสตร์ใหม่ของอาเซียน: ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลก

ข้อตกลงทางการเงินล่าสุดของอินโดนีเซียสะท้อนถึงทิศทางใหม่ของภูมิภาค ในช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน 2025 การค้าระหว่างจีนและอาเซียนมีมูลค่ารวม 23.8 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 330,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) เพิ่มขึ้น 9.2% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ความตกลงเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียน (CAFTA) 3.0 ที่มีการปรับปรุงใหม่ ชี้ให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะยกระดับการบูรณาการเศรษฐกิจในสาขาเศรษฐกิจดิจิทัลและอุตสาหกรรมสีเขียว การเคลื่อนไหวเหล่านี้กำลังเปิดทางเลือกการค้าสำรองให้กับประเทศในอาเซียนท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก

การประชุมสุดยอดอาเซียน-สภาความร่วมมืออ่าว (GCC)-จีน ที่จัดขึ้นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ยังเน้นย้ำถึงเจตนารมณ์ของประเทศในภูมิภาคที่จะกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ในความร่วมมือด้านการเงิน แม้การประชุมครั้งนี้จะไม่ได้ประกาศอย่างชัดเจนถึงยุทธศาสตร์ “หลังดอลลาร์” แต่ก็สะท้อนถึงความพยายามของภูมิภาคในการสร้างหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่ยืดหยุ่นและหลากหลายมากขึ้น

“อินโดนีเซียกำลังเขียนพิมพ์เขียวใหม่ในการกระจายความเสี่ยงของเงินตรา” เดวิด แบร์เร็ตต์ (David Barrett) ซีอีโอของ EBC Financial Group (UK) Ltd. กล่าว “ข้อตกลงการชำระเงินด้วยสกุลเงินท้องถิ่น (LCS) ล่าสุดนี้ แสดงให้เห็นว่าประเทศเศรษฐกิจขนาดกลางสามารถลดการพึ่งพาสกุลเงินหลักของโลกได้ โดยยังคงรักษาความเชื่อมโยงระดับภูมิภาคและมาตรฐานสากลได้อย่างสมดุล”

ข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.ebc.com/id/

Michelle Siow
EBC Financial Group
+60 16-337 6040
michelle.siow@ebc.com
Visit us on social media:
LinkedIn
Instagram
Facebook
YouTube
X
Other

Powered by EIN Presswire

Distribution channels: Banking, Finance & Investment Industry, Business & Economy, Culture, Society & Lifestyle, Politics, World & Regional

Legal Disclaimer:

EIN Presswire provides this news content "as is" without warranty of any kind. We do not accept any responsibility or liability for the accuracy, content, images, videos, licenses, completeness, legality, or reliability of the information contained in this article. If you have any complaints or copyright issues related to this article, kindly contact the author above.

Submit your press release